🇨🇳 ตำรวจหน้าใส หัวใจปู๊นปู๊น 10/10
Always On The Move
39 ตอนจบซับไทย iQIYI Thailand
เรื่องย่อ
เรื่องราวของสองหนุ่มต่างวัยสถานะศิษย์และอาจารย์ วังซิน ชายหนุ่มตำรวจบนรถไฟที่ถูกจับผลัดจับพลูให้มาอยู่ในการดูแลของ หม่าขุย อดีตนายตำรวจที่เพิ่งกลับมาทำงานในตำแหน่ง โดยทั้งคู่ต้องร่วมมือกันทำภารกิจเพื่อความสงบและปลอดภัยของประชาชน
รีวิว
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์แนวย้อนยุคสาธารณรัฐ การสืบสวน คอมเมดี้ ดราม่าและโรแมนติกนิดๆ เรื่องราวของสองตำรวจรถไฟต่างวัยต่างความคิดซึ่งต้องมาร่วมงานกันโดยคำสั่งของหัวหน้า ทั้งคู่เป็นตำรวจรถไฟที่ต้องดูแลประชาชนที่สัญจรโดยรถไฟและยังมีภารกิจตำรวจสายสืบที่ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันด้วยความสามารถที่เป็นที่ไว้ใจของหัวหน้า
พระเอก เป็นตำรวจหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่น ทำงานบนรถไฟเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและแก้ปัญหาวุ่นวายในการเดินทางให้แก่เหล่านักเดินทาง แม้จะเป็นคนที่เก่งน่าจับตามองแต่จุดอ่อนของพระเอกคือยังเป็นคนที่ประสบการณ์น้อย อารมณ์ร้อนจึงทำให้บางครั้งพระเอกยังทำให้เรื่องราวบานปลาย ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้ไปทำงานร่วมกันกับนายตำรวจเก่ารถไฟ ผู้ซึ่งเพิ่งออกจากคุก จากกรณีการกระทำโดยประมาท ซึ่งเพิ่งถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด จึงได้รับโอกาสให้กลับมาทำงานตำแหน่งเดิมและรับผิดชอบสั่งสอนพระเอกให้เป็นตำรวจที่ดีตามอย่างเขา การพบกันของทั้งคู่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร เพราะพระเอกเข้าใจผิดว่าอาจารย์เป็นโจรขโมย บวกกับความสัมพันธ์ของอาจารย์ที่มีต่อพ่อพระเอกนั่นมีความคลางแคลงใจในกรณีที่เขาต้องติดคุก ทำให้ความสัมพันธ์ของอาจารย์ที่มีต่อพระเอกนั้นมีความกระอักกระอวนใจ แต่ด้วยหน้าที่รับผิดชอบทั้งคู่ก็ยังต้องร่วมมือ อาจารย์ก็คอยสั่งสอนชี้แนะลูกศิษย์ในการกระทำต่างๆอย่างมีสติด้วยความหวังดี ช่วยพัฒนาทักษะด้านที่เกี่ยวข้องกับตำรวจอย่างการสืบคดี ตั้งสมมติฐาน การสืบคดี การหาหลักฐานและการต่อสู้ให้แก่พระเอก อาจารย์มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งชื่อ หม่าเยี่ยนจื่อ นางเอกของเรื่องและเป็นแฟนของพระเอก ซึ่งอาจารย์ไม่สนับสนุนความรักของทั้งคู่ แต่ทั้งพระนางก็ยังยืนยันจะคบหากันท่ามกลางความหงุดหงิดของอาจารย์
การดำเนินเรื่องเป็นกลิ่นอายช่วงจีนยุคสาธารณรัฐ ซึ่งเป็นช่วงที่จีนกำลังเริ่มนโยบายชาติ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เปลี่ยนแปลงประเทศให้มีการพัฒนาเปิดกว้างมากขึ้น อาชีพตำรวจบนรถไฟ ก็จัดเป็นอาชีพที่มีความภาคภูมิใจอาชีพหนึ่ง ทำหน้าที่บริการให้แก่ประชาชนที่ใช้บริการและดูแลความเรียบร้อย ความปลอดภัยให้แก่ทุกๆคน พระเอกจบจากโรงเรียนตำรวจ เป็นคนเก่ง มีความสามารถแต่ว่ายังขาดประสบการณ์การทำงาน โชคดีที่ได้ตำรวจมากประสบการณ์ที่เพิ่งออกจากคุกด้วยความผิดที่เขาไม่ได้ทำกลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมที่เคยทำ ความคิดเห็นของทั้งคู่ด้วยวัยที่ต่างกันทำให้ทั้งคู่ต่างไม่ลงรอยทางความคิด พระเอกจะทำงานด้วยความใจร้อน จนขาดความระมัดระวังและทำงานผิดพลาด ทำให้สุดท้ายถูกทางการลงโทษย้ายไปทำงานในสถานีตำรวจเล็กๆ เพื่อไปฝึกฝนประสบการณ์ ขัดเกลาความคิดที่มั่นใจในตัวเองสูง ชอบงานที่เอาหน้าเพื่อเพิ่มความเป็นตำรวจแท้จริง เมื่อได้เรียนรู้ที่ใหม่ก็ทำให้อาจารย์ขอย้ายพระเอกกลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งคู่ต่างทำงานเป็นคู่หูช่วยเหลือกันในการตามสืบคดีต่างๆ ตำรวจรถไฟไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะบนรถไฟเท่านั้น แต่การตามหาคนร้ายที่ก่อคดีบนรถไฟเอง ก็ต้องทำหน้าที่เป็นตำรวจลงพื้นที่ไปยังเมืองต่างๆเช่นกัน
ช่วงต้นเรื่องอาจจะรู้สึกรำคานบุคลิกของพระเอกหน่อยนะ เพราะมีความมั่นใจและอวดเก่งมาก ทำให้ต้องถูกไปฝึกกับอาจารย์อดีตตำรวจรถไฟที่เพิ่งกลับมาทำงาน แม้จะไม่พอใจพ่อพระเอกแต่ด้วยหน้าที่ก็ยังต้องสอนพระเอกให้มีความเป็นตำรวจจริงๆ ดังนั้นการสอนของเขาจึงมักสร้างความขุ่นเคืองให้แก่พระเอกเพราะเหมือนทำลายความมั่นใจของเขา พระเอกจึงดื้อและไม่อยากทำตาม แต่ผลของการไม่เชื่อฟังสุดท้ายทำให้เขาผิดพลาดในการทำคดี ดังนั้นเขาจึงถูกลงโทษเพื่อให้เรียนรู้ข้อผิดพลาด แล้วจึงได้โอกาสกลับมาทำงานที่เดิมอีกครั้ง เขาในครั้งใหม่ที่ยอมรับและตั้งใจจะเรียนรู้ความเป็นตำรวจจากอาจารย์อย่างตั้งใจ แม้ความสัมพันธ์ทั้งคู่ในฐานะคู่หูที่ทำงานด้วยกันจะเป็นไปด้วยดี แต่ในสถานะครอบครัวที่จะเกี่ยวดองกันนั้นยาก เพราะอาจารย์นั้นยังคงเข้าใจเรื่องพ่อพระเอกว่ามีส่วนที่ทำให้เขาติดคุก ต้องทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลังอย่างลำบาก แม้พระเอกจะถามพ่อตัวเองแล้วแต่พ่อก็ยังบอกว่าอาจารย์เข้าใจผิดมากกว่า การทำงานเกี่ยวข้องกับการสืบสวน ทั้งเรื่องจะเล่าเป็นคดีๆไป รวมถึงจุดจบของแต่ละตัวละคร การปฏิบัติงานในฐานะตำรวจมีทั้งจับกุมผู้กระทำผิดส่งไปลงโทษ และช่วยสร้างโอกาสให้คนที่เคยหลงผิด กลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่ได้ จะเห็นเวลาที่คนเหล่านั้นกลับมาทักทายพระเอกและอาจารย์เสมอ มันก็เป็นความอิ่มอกอิ่มใจและสร้างรอยยิ้มให้ทั้งสองฝ่าย
นอกจากความตึงเครียดของบทเกี่ยวกับคดีแล้ว ในเรื่องก็ยังมีฉากที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ผู้คนในช่วงเวลานั้นเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงจากรถไฟยุคเครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งใช้ถ่านหินในการเป็นวัตถุดิบให้รถเคลื่อนที่ ซึ่งจะเคลื่อนที่ช้ามากและต้องใช้เวลาเดินทางนาน ต่อมาในยุคการเปลี่ยนแปลงจากรถจักรไอน้ำไปสู่รถจักรเบนซิน ยุครถจักรเบนซินมาจนถึงยุครถไฟด่วนและรถไฟความเร็วสูง ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้สภาพแวดล้อมของที่พักอาศัย เป็นบ้านใครบ้านมันสร้างด้วยอิฐ มีบริเวณลานกลางบ้านทำกิจกรรม เช่นเดียวกับบริเวณบ้านของพระเอกและนางเอกที่อยู่ละแวกเดียวกัน เพื่อนบ้านที่สนิทและคุ้นเคย เวลามีเรื่องอะไรก็จะมารวมตัวกันพูดคุย แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย หรือการจับกลุ่มพูดคุยเรื่องที่เกินจริงก็ตาม ภายหลังเมื่อสังคมเปลี่ยนไปที่พักเป็นการสร้างด้วยปูนในรูปแบบแฟลตตึกสูง ส่วนในด้านความคิดก็เปลี่ยนไปจากนโยบายชาติ ในมุมมองของคนวัยหนุ่มสาวที่ค่อยๆรับอิทธิพลการทำการค้าขาย ที่อยากทำงานได้เงินเยอะๆเปลี่ยนแปลงฐานะให้ร่ำรวย ที่ความคิดแตกต่างจากคนในยุคก่อน นอกจากนี้ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปที่พัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ ก็ทำให้ตำรวจมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น สามารถหาตัวคนร้ายได้สะดวกขึ้น
ส่วนปมใหญ่ของเรื่องนั่นคือความจริงที่อาจารย์กล่าวโทษพ่อพระเอกเรื่องในอดีต เป็นปมที่น่าจะเดาได้ เป็นปมดราม่าของพระนางที่หนักและน่าสงสารทั้งอาจารย์ และพระนางจริงๆ มันเศร้าจนน้ำตาไหลเลย แต่คนเขียนบทก็ยังเขียนบทให้จบลงอย่างไม่ค้างคาและไม่ให้ความสำคัญมากไป แล้วไปโฟกัสปมคดีจากต้นเรื่องที่พระเอกและอาจารย์ยังไม่สามารถปิดคดีได้ บทสรุปของเรื่องนั้นสมเหตุสมผลนะ เพราะจุดประสงค์คือการสดุดีตำรวจที่มีผลงานดี เป็นเกียรติภูมิประวัติให้ทุกคนระลึกถึง การเล่าเรื่องมันเป็นการเรียงลำดับเรื่องราว มีส่วนน้อยที่จะมีฉากย้อนอดีต ฉากพวกคดีสืบสวนมันก็เป็นปมคดีที่พระเอกยังปิดไม่ได้ แต่สร้างรายละเอียดให้มันเป็นปมปัญหาของตัวพระเอกและอาจารย์ที่จะต้องหาทางจัดการกับคนร้ายให้ได้ ซึ่งก็สามารถคาดเดาได้บางจุดที่เรื่องจะดำเนินไปตามที่คิดไว้แต่แรก ข้อเสียของเรื่องคือรายละเอียดเยอะมาก ตัวละครหลากหลายอาจทำให้งงๆได้ ดีที่มีการย้อนเรื่องราวบ้าง คดีไม่ได้ซับซ้อนแต่มันบีบความรู้สึกคนดูมากกว่า และช่วงท้ายเรื่องตัดฉากรวดเร็วมาก ยังเสียดายรายละเอียดเรื่องราวปัจจุบันของตัวละครในอดีตที่ไม่ได้เอ่ยถึงหลายคน เพราะก็เติบโตกับเรื่องมาแต่ต้น แต่ก็เข้าใจเพราะเรื่องเน้นที่งานตำรวจมากกว่า ฉากเรื่องมีกลิ่นอายยุคสมัยที่แยกกันได้ระหว่างยุคอดีตและปัจจุบัน สีภาพมีโทนเหลืองแบบเก่าและสว่างแบบปัจจุบัน บรรยากาศดี ฉากสวยตามยุคสมัยแม้ว่าจะเซ็ทบางส่วน เสื้อผ้ากลางๆนะไม่ได้สวยแต่เข้ากับเรื่องราว แต่งหน้าไม่เน้นมาก
นักแสดงนำของเรื่อง พระเอกไป๋จิ้งถิง เรื่องนี้เป็นบทพระเอกที่ออกแนวกวนๆตั้งแต่ต้นเรื่อง มีความมั่นใจสูงและเป็นคนที่ออกจะน่ารำคานในตอนต้นเรื่อง แต่ตัวละครนี้มีพัฒนาการเรื่อยๆนะ ส่วนนางเอกจินเฉิน เรื่องนี้แม้บทจะไม่ได้โดดเด่นเท่า แต่ก็เป็นตัวละครที่สำคัญในเรื่องราว เสมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างพระเอกและพ่อตัวเอง เป็นตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากปมมากที่สุด ส่วนเคมีของพระนางก็แคมีดีอยู่นะ เป็นคู่พระนางที่ฝีมือการแสดงในระดับใกล้เคียงกัน และเป็นที่ยอมรับจากคนในวงการ แม้กระแสในไทยอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากๆ แต่ก็มีความสามารถทางการแสดงสูงนะ อยากให้คนได้เปิดใจกับเรื่องนี้ เรื่องนี้บทพระนางจะต้องเล่นตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยกลางคนด้วย มันจะได้เห็นฝีมือการแสดงและการพูด ท่าทางที่ทั้งคู่แสดงได้ดี
ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแนวย้อนยุคสาธารณรัฐ เกี่ยวกับตำรวจที่บริการบนรถไฟและยกย่องการทำงานของตำรวจ เรื่องราวมีการเล่าเรื่องการทำงาน สภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตผู้คนที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและตามนโยบายของชาติในขณะนั้น มีเรื่องคดีการสืบสวนมาเป็นตัวดึงดูดเรื่อง อาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากเพราะมันเป็นการเล่าแบบสไตล์เก่าๆ การทำงานของตำรวจที่ยังไม่มีวิทยาศาสตร์เข้ามาแบบสมัยนี้ แต่ก็ยังมีบรรยากาศเรื่องที่ให้ความรู้สึกผูกพันไปกับตัวละคร เป็นเรื่องที่ดูจบแล้วมีความคิดถึงยุคสมัยเก่าๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับยึดติดของเดิมและมองเห็นข้อดีของยุคใหม่ที่สะดวกสบายขึ้น เป็นซีรี่ส์ที่เล่าเรื่องราวได้ครบรสทั้งสุขและเศร้า และทำให้รู้สึกผูกพันกับตัวละครเหมือนเติบโตมาด้วยกัน เป็นซีรี่ส์น้ำดีและอบอุ่นหัวใจอีกเรื่องที่แนะนำ อยากให้ทุกคนเปิดใจดูกันเยอะๆ
#ตำรวจหน้าใสหัวใจปู๊นปู๊น
#AlwaysOnTheMove
#จะดูแต่ซีรี่ส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น