🇨🇳 คู่มือนักล่า 1&2 9.5/10
Under The Skin 1&2
ภาค1 20 ตอนจบซับไทย&พากย์ไทย + ภาค2 28 ตอนจบซับไทย&พากย์ไทย iQIYI Thailand
เรื่องย่อ
เรื่องราวของเสิ่นอี้ ชายหนุ่มผู้มีความสามารถด้านการวาดภาพกับเฉิงตู้ สายสืบหนุ่มหน่วยอาชญากรรม ที่มาร่วมมือกันตามสืบคดีต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อตามจับฆาตกรที่กระทำผิด
รีวิว
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์แนวสืบสวน เรื่องราวของสองคู่หูเพื่อนซี้ ผู้มีจุดยืนเดียวกันในการตามล่าหาฆาตกรในคดีอาชญากรรมที่กระทำความผิด โดยใช้ความสามารถด้านการสืบคดี ศิลปะและจิตวิทยาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์
การเจอกันของทั้งคู่ในครั้งแรกนั้นเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด เมื่อความสามารถด้านการวาดภาพที่โดดเด่นเกินใครของเสิ่นอี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคารพของสายสืบเฉิงตู้ต้องสูญเสีย โดยที่เสิ่นอี้นั้นจดจำใบหน้าผู้ต้องสงสัยไม่ได้ ทำให้ทั้งคู่ต่างก็เกิดแผลในใจต่อเหตุการณ์นั้น ต่อมาเสิ่นอี้ได้รับการทาบทามให้มาทำงานในผนกสืบสวนอาชญากรรม เพื่อทำหน้าที่สเก็ตภาพคนร้าย ยิ่งทำให้เฉิงตู้ไม่พอใจ แต่ด้วยความสามารถของเสิ่นอี้ก็ทำให้เฉิงตู้ยอมรับในความสามารถและเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้นและร่วมมือกันตามหาความจริง และทั้งคู่ก็ร่วมมือกันจนทำให้เรื่องราวคลี่คลาย กลายเป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานที่เชื่อใจกัน
การดำเนินเรื่อง เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวน มันจะมีปมเนื้อเรื่องหลักที่เกี่ยวพันธ์กับทั้งสองตำรวจหนุ่มกับปมเรื่องสืบสวนคดีย่อยๆ ที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องคลี่คลายปม การเล่าเรื่องก็ดำเนินเรื่องไปพร้อมๆกัน แทรกปมหลักมาเป็นระยะๆ เล่าเรื่องราวแบบมีย้อนอดีตกลับไปตามความจำเป็น คดีย่อยๆนั้นก็มีสีสัน น่าติดตาม ทำให้อยากรู้ความจริงของเรื่องราว สาเหตุที่เรื่องนี้ใช้การวาดภาพสเก็ตซ์ใบหน้ามาเป็นโจทย์เด่นควบคู่กับการสืบสวนเป็นเพราะในบางสถานการณ์ กล้องวงจรปิดเองก็ไม่สามารถที่จะพบเห็นหน้าคนร้ายได้ตลอด บางครั้งกล้องวงจรก็จับภาพใบหน้าคนก็ไม่ชัดเจน ไม่สามารถให้รายละเอียดใบหน้าได้ จึงจำเป็นต้องใช้การสเก็ตซ์ภาพจากการสอบปากคำมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จำเป็นต่อการสืบสวนด้วยเช่นกัน
เรื่องราวราวภาค 1 เรื่องหลักคือความขัดแย้งของเสิ่นอี้และเฉิงตู้ที่เกิดจากภาพวาดของเสิ่นอี้ ทั้งสองก็ขัดแย้ง ฝ่ายหนึ่งไม่พอใจและอีกฝ่ายรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้มาร่วมงานกันต่างก็ยอมรับในความสามารถและทำงานกันได้อย่างเข้าใจ โดยใช้ความสามารถช่วยกันสืบคดี ส่วนภาค 2 เรื่องหลักเป็นปมความรู้สึกผิดในใจของเสิ่นอี้ที่พบเด็กหญิงชุดแดงแต่ไม่คาดคิดว่าวันต่อมา เธอจะถูกฆาตกรรม กลายเป็นความผิดบาปในใจของเขาที่รู้สึกผิดที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แม้ว่าเฉิงตู้จะคอยปลอบว่าไม่ใช่ความผิดของเขาก็ตาม ทำให้เขาเริ่มศึกษาใช้หลักจิตวิทยามาประยุกต์ในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความคิดของคนร้ายว่ามีโอกาสจะก่อเหตุอาชญากรรมหรือไม่ เพื่อป้องกันและลดโอกาสจะเกิดเรื่องร้ายในภายภาคหน้า แล้วใช้พรสวรรค์การวาดภาพของเขาคอยวาดจิตใจของคนร้ายที่สืบจากคดีต่างๆมาวิเคราะห์
ความแตกต่างของ 2 ภาค การดำเนินเรื่องยังคงคล้ายกัน แต่ส่วนตัวชอบภาคแรกมากกว่าเพราะคดีย่อยๆที่ดำเนินเรื่องนั้นน่าสนใจ พล็อตคาดเดายากแถมแปลกใหม่ในแนวสืบสวน เฉลยแบบหักมุมคาดไม่ถึง โดยใช้การวาดภาพของตัวเอกเป็น ส่วนคดีหลักที่เกี่ยวกับตัวหลักนั้นกลับรู้สึกเฉยๆแค่มาเพื่อแก้ปมในใจทั้งสองตัวละครหลัก ส่วนภาคสอง คดีนั้นก็มีทั้งคาดเดายากและคดีที่สามารถคาดเดาได้ใกล้เคียง ภาคสองใช้เนื้อหาแนวจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ยีนส์ วิเคราะห์ความคิด พฤติกรรมของมนุษย์เข้ามาในคดี การวาดภาพจุดเด่นแบบภาคแรกเนื้อหาเลยน้อยลงกว่า แต่การนำเสนอออกจะเล่ายากไปสักหน่อย เลยรู้สึกเบื่อๆไปบ้าง ก็ถือว่าเป็นอีกเนื้อหาที่ทีมซีรี่ส์อยากจะนำเสนอเข้ามาเสริมเรื่องราวให้ไม่จำเจ
บุคลิกตัวละคร เสิ่นอี้ เป็นคนที่มีความสามารถทางศิลปะโดยพรสวรรค์ แต่เขาละทิ้งโอกาสการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมาทำงานเป็นตำรวจแผนกอาชญากรรมตามคำเชิญท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของหลายคน เป็นคนที่เก่ง ฉลาด มีความละเอียดรอบคอบ และมีความอ่อนไหว เพราะตัวตนการเป็นศิลปินที่มีอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินใจเป็นหลัก ส่วนเฉิงตู้ เป็นคนเก่ง ฉลาด หนักแน่น ใจร้อน เอาจริงเอาจังในเรื่องการสืบคดี เป็นหัวหน้าทีมที่น่าเคารพและยำเกรง ตัดสินใจเด็ดขาด บางครั้งก็ใจร้อนมากไป เพราะเชื่อในตัวเองโดยไม่ฟังใคร ความแตกต่างของทั้งคู่เป็นความลงตัว ส่งเสริมกันและกันในส่วนที่ขาด จึงเป็นคู่หูร่วมงานที่ดีและเป็นเพื่อนรักที่ไว้วางใจหวังดีต่อกันแบบแท้จริง
บทสรุปของเรื่อง เรื่องราวปูไปว่าเรื่องนี้จะยังสร้างต่อในซีซั่น 3 แน่นอนซึ่งเรื่องราวช่วงท้ายก็ทิ้งปมใหม่เอาไว้ให้รู้สึกน่าติดตาม องค์ประกอบอื่นของเรื่อง บทดี ทำได้น่าสนใจ เพราะคดีมีความแปลกใหม่ คาดเดาไม่ได้ ส่วนตัวชอบบทคดีภาคแรกมากกว่าภาคสอง ที่เดาบางคดีได้ ส่วนคดีปิดของแต่ละภาคนั้น ส่วนตัวชอบคดีของภาค 2 มากกว่าและจบได้ถูกใจกว่า เข้าใจว่าทำไมถึงเสริมเรื่องนี้เข้ามา การตัดต่อดี ทำได้น่าติดตาม แต่ส่วนตัวการตัดต่อช่วงท้ายมันไม่ต่อเนื่องกับช่วงต้น บางฉากก็ทำสับสนไปบ้าง การลำดับภาพกลางๆ มุมกล้องดี ฉากดี สีภาพสวย ซาวด์ประกอบดี คอสตูมดี เมคอัพดี
นักแสดงนำของเรื่อง ถานเจี้ยนซื่อในบทเสิ่นอี้ บทนี้แบบโดดเด่นและเป็นบทที่มีความแปลกใหม่สำหรับแนวสืบสวนนะ เมื่อเอาแนวศิลป์เข้ามาในบทตัวหลักและมีส่วน่วยในการสืบคดี การแสดงของพี่ถานก็บอกได้เลยว่าดีมาก ไม่น่าผิดหวัง เป็นอีกบทบาทที่รู้สึกว่าเขาแสดงได้ดีมากๆ บทแสดงอารมณ์ที่มีความอ่อนไหว มีความฉลาดละเอียดอ่อนในการสังเกตจุดที่ตำรวจมองข้ามไปจากคดี เป็นคนที่ให้ความรู้ในจุดที่เป็นประโยชน์กับการสืบสวนมากๆ ประทับใจบทนี้มากจริงๆ ส่วนจินซือเจียในบทเฉิงตู้ บทนี้ก็เป็นบทสายสืบนิสัยห่ามๆ เอาจริงเอาจัง มีบุคลิกดุๆ ระแวดระวังตลอด ดูหาเรื่องแต่แท้จริงเขานั้นเป็นคนที่คอยเรียกสติและให้กำลังใจทุกๆคน ยิ่งภาคสองเขาเป็นคนที่คอยเตือนพระเอกเมื่อเขาใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับคดีมากเกินไปจนถลำลึกจมไปในตัวตนด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ตัวเอกเป็นผู้ชายนะ ก็มีฟีลจิ้นๆบ้างให้ได้รู้สึกแต่ก็ไม่เสิร์ฟให้รู้สึกอึดอัดมากจนเกินไป
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์แนวสืบสวน เรื่องราวของสองตำรวจหนุ่ม การร่วมมือเพื่อไขคดีต่างๆโดยจุดเด่นต่างกันที่ลงตัว คนหนึ่งคือผู้มีพรสวรรค์ทางศิลปะและจิตวิทยา กับอีกคนตำรวจผู้มีประสบการณ์สายสืบ บทดี มีความแปลกใหม่ที่ใช้ศิลปะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสืบคดี การดำเนินเรื่องดี น่าติดตาม คดีทำได้แหวกแนวแปลกใหม่ เป็นซีรี่ส์อีกเรื่องสำหรับสายแนวสืบสวนที่ไม่ควรพลาด มีซีซั่นสามแน่นอน
#คู่มือนักล่า2
#UnderTheSkin2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น